หน้าหลัก > ข่าวสารและความรู้ > บอกลา!! สิวฮอร์โมน สิวรอบปาก รักษาไม่ยาก เพียงแก้ให้ตรงจุด
บอกลา!! สิวฮอร์โมน สิวรอบปาก รักษาไม่ยาก เพียงแก้ให้ตรงจุด
บอกลา!! สิวฮอร์โมน สิวรอบปาก รักษาไม่ยาก เพียงแก้ให้ตรงจุด
06 May, 2023 / By aomsin
Images/Blog/dWashul5-191075.jpg

“สิวฮอร์โมน” คือ สิวที่มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย มักเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดิมซ้ำๆ เช่น ช่วงรอบประจำเดือน ช่วงหมดประจำเดือน การตั้งครรภ์ ภาวะความเครียด ฯลฯ ส่งผลให้กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสิวฮอร์โมน ส่วนใหญ่มักเป็นกลุ่มวัยรุ่น และกลุ่มวัยผู้ใหญ่นั่นเอง

สิวฮอร์โมนที่เกิดขึ้น สามารถเป็นได้ทั้งสิวอุดตันและ สิวอักเสบ จึงทำให้อาการแสดงของสิวฮอร์โมนที่ปรากฏในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกันไป โดยลักษณะสิวฮอร์โมนแต่ละประเภท มีดังนี้

1. สิวอุดตัน จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนออกมาจากผิวหนัง หากใช้มือลูบ จะสัมผัสได้ถึงความไม่เรียบของผิว สร้างความรำคาญใจให้ไม่น้อย โดยสิวอุดตันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

  • สิวอุดตันหัวเปิด หรือ สิวหัวดำ จะมีลักษณะเป็นสิวหัวดำ แข็ง ที่สามารถเห็นหัวสิวได้ชัดเจน โดยสิวชนิดนี้เกิดจากการอุดตันของไขมันเซลล์ต่างๆ และเส้นขน เมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน และเมื่อโดนอากาศ จะทำให้กลายเป็นสีดำจนกลายเป็นสิวอุดตันหัวดำนั้นเอง

  • สิวอุดตันหัวปิด หรือ สิวหัวขาว จะมีลักษณะเป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่มีความนูนออกมาเล็กน้อย บริเวณหัวสิวมีสีขาว สังเกตเห็นจากภายนอกได้ยาก โดยสิวชนิดนี้เกิดจากการอุดตันภายในรูขุมขน ซึ่งหากไม่รักษา ปล่อยไปเรื่อยๆ เมื่อมีสิ่งสกปรกเข้ามาสะสม อาจจะทำให้กลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด

2. สิวอักเสบ คือสิวที่เกิดจากการอักเสบบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ออกมาเป็นสิวลักษณะต่างๆที่มักจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดหากสัมผัสโดนผิวบริเวณนั้น โดยสิวอักเสบจะแบ่งตามความรุนแรง และขนาดได้ 3 ประเภทดังนี้

  • สิวตุ่มนูนแดง จะมีลักษณะเป็นสิวกลมๆ สีแดง ขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ภายในไม่มีการเกิดหนอง เมื่อสัมผัสอาจให้ความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
  • สิวหัวหนอง จะมีลักษณะเป็นสิวสีแดง ตรงกลางปรากฏหนองสีขาวเหลือง ให้ความรู้สึกเจ็บปวด หากสัมผัสโดนเล็กน้อย
  • สิวตุ่มแดงขนาดใหญ่ เป็นการอักเสบระดับรุนแรงที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก โดยจะมีลักษณะเป็นสิวขนาดใหญ่ แข็งเป็นก้อน ไม่มีหัวสิว ไม่มีหนองอยู่ภายใน ไม่สามารถบีบออกได้ เนื่องจากเป็นสิวที่เกิดอยู่ในระดับชั้นผิวหนังที่ค่อนข้างลึก

สิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร?
สิวฮอร์โมนจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน หรือ ความไม่สมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกาย เมื่อปริมาณฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ให้ผลิตซีบัมออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียมากขึ้น

หากเคราติน,ซีบัม และเชื้อแบคทีเรียรวมตัวกัน จะก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน จนกลายมาเป็นสิวอุดตัน และเมื่อมีการอุดตันรูขุมขนขึ้นมากๆ ขยายตัวจนทำให้ท่อรูขุมขนเกิดการอักเสบ ก็จะทำให้มีโอกาสที่จะกลายเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน

ยกตัวอย่าง กรณีที่จะทำให้ระดับฮอร์โมนภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น เช่น
* ช่วงประจำเดือนได้แก่ การมีประจำเดือน,ผู้ที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
* ภาวะความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ
* ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome : PCOS)
* ภาวะ Hyperandrogenism
* ช่วงการตั้งครรภ์

โดยตำแหน่งที่เกิดสิวฮอร์โมน ที่มักจะพบบ่อย ได้แก่ สิวฮอร์โมนบริเวณแก้ม กราม รอบปาก ลามมาคอ ซึ่งเป็นบริเวณส่วนล่างของใบหน้า และสิวฮอร์โมนที่หลัง


 

วิธีป้องกันการเกิดสิวฮอร์โมน
ถึงแม้ว่าสิวฮอร์โมน อาจจะควบคุมไม่ให้เกิดได้ยาก เพราะไม่สามารถคอนโทรลสมดุลของฮอร์โมนภายในร่างกายได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดสิวฮอร์โมนได้ ดังนี้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • หากิจกรรมที่ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ลดความเครียดสะสม
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่อุดตันรูขุมขน หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของลาโนลิน , ซิลิโคน และน้ำมันแร่
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ
  • ทำความสะอาดใบหน้า และส่วนอื่นๆของร่างกาย วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบุคคลที่แต่งหน้า ควรให้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางบนใบหน้าให้สะอาดหมดจด 
  • งดการบีบ แคะ หรือสัมผัสสิวบริเวณนั้นๆ

สิวฮอร์โมนรักษาอย่างไร?
สิวฮอร์โมน เกิดจากการที่ฮอร์โมนแปรปรวน หรือเกิดจากความเครียด เป็นปัจจัยภายในที่เราไม่สามารถควบคุมได้ การรักษาสิวฮอร์โมนจึงมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของคนแต่ละท่าน เบื้องต้นได้แก่

1. การรักษาสิวฮอร์โมนด้วยยาทา

ยาที่ใช้รักษาสิวฮอร์โมน มีทั้งกลุ่มที่ละลายหัวสิว และฆ่าเชื้อสิว แต่ควรเลือกยาที่ไม่มีสารก่อให้เกิดอันตรายอย่างเช่น สเตียรอยด์ สารปรอท เพราะผิวหน้าจะยิ่งเกิดการแพ้มากกว่าเดิม สิวอาจจะหายไปในช่วงแรกเพียงชั่วคราว แต่ก็จะกลับมาเห่อขึ้นได้อีก

2. การรักษาสิวฮอร์โมนด้วยยาแบบรับประทาน แบ่งเป็น 3 ชนิด คือ

  • ยาปฏิชีวนะ มักต้องใช้ยานานหลายสัปดาห์ จึงจะมีประสิทธิภาพในการลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียก่อสิว ต้องกินต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจมีผลแทรกซ้อน และผลเสียต่อร่างกายได้
  • ยาคุมกำเนิด ที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสติน จะช่วยรักษาสิวได้ เนื่องจากตัวยาจะไปลดระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนลง ทำให้การผลิตไขมันจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลง ซึ่งช่วยลดการเกิดสิว
  • ยากลุ่มวิตามินเอ เป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาสิวในช่วงที่เห่อมากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อย่างไรก็ดี ยานี้อาจมีผลทำให้ปากแห้งตาแห้ง, ค่าการทำงานของตับผิดปกติ หรือ ค่าไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ยังห้ามให้ในหญิงตั้งครรภ์

**หมายเหตุ ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เนื่องจากยาอาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

3. การรักษาสิวฮอร์โมน เสริมด้วยหัตการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น กดสิว ทรีทเมนท์ลดสิว เลเซอร์ ฉายแสง

กรณีที่เป็นสิวฮอร์โมนรุนแรง เป็นสิวเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น อ่อนเพลีย รอบเดือนมาไม่ปกติ หรือนอนไม่หลับ แนะนำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจอาการ เพื่อวินิจฉัย ให้คำแนะนำ และรักษาได้อย่างเหมาะสม เพราะสิวฮอร์โมน รักษาได้ไม่ยาก แต่ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด 

อีกหนึ่งตัวเลือกในการดูแลผิวอย่างปลอดภัย WELPANO (เวลพาโน่) เวชสำอางโดยเภสัชกร เป็นเวชสำอาง ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้ทุกเพศ ทุกวัย รวมถึงคุณแม่ตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตรค่ะ เนื่องจากเป็นสกินแคร์ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม น้ำมัน สีสังเคราะห์ และสารกันเสียพาราเบน ที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะเลยค่ะ สามารถเลือกใช้เป็น 

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตามสภาพผิว โดยแบ่งเป็น

ผิวแห้ง ผิวธรรมดา : Facial Double Clean Plus (คลีนพลัส)
ผิวผสมค่อนไปทางมัน : Anit-Acne Whip mousse Foam (มูสโฟม)
ผิวมัน-มันมาก : Acne Soap (สบู่ลดสิว)

เสริมเกราะป้องกันผิวด้วย Biomac Refreshing Solution (ไบโอแมค) จะช่วยปลอบประโลมผิวจากมลภาวะต่างๆ เช่นแสงแดด ฝุ่น PM 2.5 ปัญหาสิวแพ้แมสก์ ลดการระคายเคืองผิวได้อย่างอ่อนโยน ลดการเกิดสิว ฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง ลดการอักเสบของผิว ช่วยแก้ปัญหาผิวคัน ลอก แสบ แดง แพ้ง่าย ปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุของการเกิดสิว ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว

ฟื้นฟูบำรุง ลดรอยสิว ด้วย First Care White Essence (เฟริ์สแคร์) ควบคู่กับ Expert Scar Care Gel Plus (เจลพลัส) จะช่วยบำรุงฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่ม ช่วยลดเลือนฝ้ากระ จุดด่างดำให้จางลง ปรับผิวกระจ่างใส ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดเลือนริ้วรอย สมานแผลสิวได้ดี เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยหลุมสิวให้เรียบเนียน

ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน จะช่วยปกป้องผิวเราจากมลภาวะต่างๆ โดยครีมกันแดดของเวลพาโน่ จะมีให้เลือกใช้ทั้งหมด 2 สูตร เลือกใช้ตามสภาพผิวได้เลยค่ะ (ฝาขาวและฝาทอง)

และขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุง ใช้เจลแต้มสิวสูตรอ่อนโยน Acne Gel จะช่วยลดการอักเสบของสิวได้อย่างรวดเร็ว มีสารสกัดที่ช่วยสมานผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก ป้องกันการเกิดรอยสิวหลังสิวหาย ไม่ผสมยาปฏิชีวนะ จึงสามารถใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่ทำให้สิวดื้อยาปราศจากแอลกอฮอล์ น้ำหอม สีและ สารกันเสียพาราเบน ผิวแพ้ง่าย คุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถใช้ได้ค่ะ

แนะนำทริคเสริม : ทานวิตามิน Azitra Plus+ ต่อเนื่อง เป็นวิตามินที่ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดการอักเสบสิว ลดการระคายเคือง ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ช่วยให้กระจ่างใส ยกกระชับผิว ริ้วรอย ลดการสูญเสียน้ำของผิว ลดรอยสิว จุดด่างดำ ฝ้ากระ หลุมสิว สมานแผลสิวให้หายไวขึ้น เสริมภูมิคุ้มกันให้ผิวแข็งแรงขึ้น ชะลออายุของเซลล์ผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ ผิวกระชับ เรียบเนียน ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงเล็บ ผิว และเส้นผม

ผลิตภัณฑ์ของเวลพาโน่ สามารถตอบโจทย์ดูแลปัญหา สิวฮอร์โมนได้ ช่วยให้สิวยุบลง ลดการเกิดสิว พร้อมทั้งช่วยในการบำรุง ฟื้นฟูผิว ลดรอยสิว จุดด่างดำ และปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้น กู้คืนผิวพัง ให้กลับมาเนียนใส เผยผิวให้ดีขึ้นระยะยาว การันตีจากลูกค้าผู้ใช้จริง 

WELPANO ขอขอบพระคุณทุกๆรีวิว ยืนยันว่าใช้ดีและบอกต่อกันมากมายค่ะ 🙏🏻🙏🏻

 

Like